CoolSculpting vs ดูดไขมัน เลือกวิธีไหนดี เจาะลึกข้อดีข้อเสียก่อนตัดสินใจ

CoolSculpting vs. ดูดไขมัน วิธีไหนดี? เจาะลึกข้อดีข้อเสียก่อนตัดสินใจ

ความสวยนั้นรอไม่ได้ และไขมันส่วนส่วนเกินค่อศัตรูตัวร้ายที่ทำให้ความมั่นใจลดลง ต้องขอบคุณเทคโนโลยีความงามปัจจุบันที่ไม่ต้องทำให้คุณเสียเวลากับการออกกำลังที่ยากลำบากอีกต่อไป ด้วยวิธีลดไขมันแบบใช้ความเย็นและดูดออก โดยทั้งสองเทคนิคนี้ พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการกำจัดไขมันส่วนเกินที่ยากจะลด โดยคูลสคัลพ์ธิงใช้เทคนิคควบคุมความเย็นเพื่อทำลายเซลล์ไขมันโดยตรง ทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและไม่ต้องผ่าตัด ขณะที่การดูดไขมันเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการลดบริเวณไขมันจำนวนมาก ซึ่งต้องใช้การผ่าตัดและมีระยะเวลาในการฟื้นตัวนานกว่า แล้วอันไหนดีล่ะที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างแท้จริง? ในบทความนี้ เราจะมาเปรียบเทียบ CoolSculpting vs ดูดไขมัน ซึ่งทั้งสองวิธีนี้มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกว่าจะใช้วิธีใดต้องพิจารณาจากหลายๆ ด้านเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ อีกทั้งต้องศึกษาโดยคำนึงถึงผลลัพธ์ที่คาดหวังและความเสี่ยง เราจะมาเผยข้อมูลเบื้องต้นที่ครอบคลุมทั้งสองวิธีการรักษาเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจที่เหมาะสมให้คุณเอง


CoolSculpting

CoolSculpting

หลาย ๆ คนอาจรู้จักในชื่อ Cryolipolysis เป็นวิธีการลดไขมันที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้ความเย็นในการทำลายเซลล์ไขมันใต้ผิวหนังโดยเฉพาะ ในระหว่างการรักษา จะใช้แผ่นเจลและเครื่องดูดซึ่งจะทำให้ผิวหนังและไขมันถูกดูดเข้าหาแผ่นทำความเย็น อุณหภูมิที่ต่ำมากจะทำให้เซลล์ไขมันคริสตัลไลซ์ หรือเปลี่ยนสถานะเป็นผลึกน้ำแข็ง และนำไปสู่การตายของเซลล์ไขมันนั้น ๆ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อที่อยู่รอบข้าง

เหมาะกับใคร?

เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินในพื้นที่เฉพาะ เช่น บริเวณหน้าท้องล่าง, หน้าท้องบน, และข้างเอว ซึ่งเป็นจุดที่มักมีไขมันสะสมและยากต่อการลดด้วยการออกกำลังกาย หรือการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว

ผลลัพธ์และความคาดหวัง

ผลลัพธ์หลังการรักษามักไม่เห็นผลทันที แต่จะค่อยๆ เห็นชัดเจนมากขึ้นหลังจากผ่านไปประมาณ 3 ถึง 4 เดือน เนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาในการกำจัดเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายออกจากบริเวณที่ดูด งานวิจัยชี้แจงว่าหลังทำ Coolsculpting มีการลดลงของไขมันในบริเวณที่รักษาประมาณ 20-25%

ค่าใช้จ่าย

ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามคลินิกและจำนวนพื้นที่ที่ต้องการรักษา โดยเฉลี่ยแล้วอาจมีค่าใช้จ่ายอยู่ประมาณที่ 15,000 ถึง 30,000 บาทต่อพื้นที่การรักษาหนึ่งครั้ง

ความปลอดภัยและผลข้างเคียง

คูลสคัลพ์ธิง ถือเป็นวิธีการที่ปลอดภัยมาก โดยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นนั้นมีน้อยและมักจะเป็นเพียงชั่วคราว เช่น รู้สึกชา, ความรู้สึกเย็น, หรือระคายเคืองบริเวณที่ได้รับการรักษา ในกรณีที่หายากมาก ผู้ป่วยอาจพบเห็นสภาวะ paradoxical adipose hyperplasia ซึ่งเป็นภาวะที่ไขมันในบริเวณที่รักษาด้วยความเย็นมีปริมาณเพิ่มขึ้นแทนที่จะลดลง ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการดูดไขมันแทน


ดูดไขมัน (Liposuction)

ดูดไขมัน (Liposuction)

การดูดไขมัน หรือ Liposuction เป็นขั้นตอนการผ่าตัดที่ใช้ในการลดไขมันส่วนเกินจากร่างกาย โดยแพทย์จะทำการผ่านผิวหนังเพื่อใส่ท่อยาวเล็กๆ หรือที่เรียกว่าคานูลาเข้าไปในพื้นที่ที่มีไขมันสะสม ท่อดูดไขมันนี้จะเชื่อมต่อกับเครื่องดูดที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อดูดเอาเซลล์ไขมันออกจากตำแหน่งนั้น ซึ่งสามารถดำเนินการได้ภายใต้การดมยาสลบทั่วไปหรือยาชาบางส่วน ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่ต้องการรักษา

เหมาะกับใคร?

เหมาะสมกับการลดไขมันในพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ไขมันสะสมและยากต่อการลดลงด้วยวิธีอื่น เช่น หน้าท้อง สะโพก และขา ขั้นตอนนี้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนและรวดเร็ว โดยเฉพาะการดูดไขมันหน้าท้อง

ผลลัพธ์และความคาดหวัง

ผู้ที่ได้รับการรักษาสามารถสังเกตได้ชัดเจนไม่นานหลังทำ และมักจะเห็นความแตกต่างอย่างเด่นชัด หากคุณคาดหวังว่าจะเห็นผลทันทีและเด่นชัดได้ วิธีนี้นั้นตอบโจทย์กับความต้องการแน่นอน โดยผลลัพธ์ที่สุดท้ายมักจะปรากฏชัดเจนหลังจากหายจากอาการบวมซึ่งอาจใช้เวลานานถึงหลายเดือน

ค่าใช้จ่าย

เฉลี่ยค่าใช้จ่ายอาจอยู่ระหว่าง 100,000 ถึง 250,000 บาทต่อการรักษาหนึ่งครั้ง ซึ่งราคานี้ยังไม่รวมค่ายาสลบและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการพักฟื้นในโรงพยาบาล

ความปลอดภัยและผลข้างเคียง

แม้ว่าจะเป็นวิธีการที่ปลอดภัยโดยรวม แต่ก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่าวิธีการไม่ผ่าตัดอื่นๆ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงความเจ็บปวด บวม และช้ำ รวมทั้งอาการชาบริเวณที่ได้รับการรักษา ในบางกรณีอาจพบปัญหาเช่นการเกิดน้ำเหลืองหรือเนื้อเยื่อตาย ซึ่งอาจต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติม การปรึกษาแพทย์และการเลือกใช้บริการกับคลินิกที่มีมาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้


CoolSculpting vs. ดูดไขมัน เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด

CoolSculpting vs. ดูดไขมัน เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด

วิธีการ

  • CoolSculpting : ใช้เทคโนโลยี Cryolipolysis เพื่อแช่แข็งและทำลายเซลล์ไขมัน โดยใช้แผ่นเย็นบนพื้นที่ที่ต้องการรักษา
  • Liposuction : ใช้เครื่องมือเฉพาะทาง (cannula) เพื่อดูดไขมันออกจากพื้นที่ที่ต้องการ ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้ยาชาหรือยาสลบ

บริเวณที่สามารถทำได้

  • CoolSculpting : เหมาะกับการลดไขมันในพื้นที่เล็กๆ ที่มีไขมันสะสมไม่มากนัก
    • ใต้คาง: ช่วยลดไขมันส่วนเกินที่ทำให้เกิดปัญหา “double chin”
    • หน้าท้อง: สามารถลดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องที่ยากต่อการออกกำลังกาย
    • ด้านข้างของเอว: ได้ผลดีกับไขมันส่วนเกินที่ด้านข้างลำตัวที่เรียกว่า “love handles”
  • Liposuction : เหมาะกับการกำจัดไขมันปริมาณมาก และสามารถใช้ได้กับพื้นที่ขนาดใหญ่และหลายพื้นที่
    • หน้าท้องและสะโพก: สามารถลดไขมันส่วนเกินที่เห็นได้ชัดเจนและให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
    • ต้นขาและแขน: ลดไขมันที่ยากต่อการเผาผลาญแม้จะออกกำลังกายอย่างหนัก
    • คอและใต้คาง: สำหรับปรับรูปร่างในพื้นที่ที่มีไขมันสะสมไม่เพียงแต่ส่วนล่างเท่านั้น

ปริมาณไขมันที่ลด

  • CoolSculpting : ประมาณ 20-25% ต่อครั้งการรักษา
  • Liposuction : กำจัดไขมันได้ถึง 5-8 ลิตรในการรักษาครั้งเดียว ขึ้นอยู่กับสุขภาพและปริมาณไขมันที่สามารถกำจัดอย่างปลอดภัย

ความถี่ในการรักษา

  • CoolSculpting : อาจต้องมีการรักษาหลายครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยมักจะห่างกันประมาณ 1-2 เดือน โดยทั่วไปต้องเข้ารับการรักษา 2-3 ครั้ง
  • Liposuction : โดยทั่วไปจะต้องการเพียงครั้งเดียวในการรักษา หากผู้ป่วยรักษารูปร่างและไม่มีการเพิ่มน้ำหนักขึ้นมาก

ผลข้างเคียงและระยะเวลาฟื้นตัว

  • CoolSculpting : อาจมีอาการชา, เจ็บ, หรือบวมเล็กน้อยที่บริเวณที่ได้รับการรักษา ซึ่งปกติจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมงถึงไม่กี่วัน ผู้รับการรักษาสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันที
  • Liposuction : อาจประสบกับอาการเจ็บปวด, บวม, ช้ำ, และชา อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ให้แผลหายเต็มที่ และต้องสวมใส่เสื้อผ้ากระชับ เพื่อช่วยในการฟื้นตัวและรักษารูปทรงหลังการรักษา

ค่าใช้จ่าย

  • CoolSculpting : อาจมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับจำนวนพื้นที่ที่ต้องการรักษาและจำนวนครั้งที่จำเป็นต่อการรักษา เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 60,000 ถึง 120,000 บาท สำหรับการรักษาทั้งหมด ค่าใช้จ่ายนี้อาจแตกต่างกันไปตามคลินิกและตำแหน่งที่ตั้งของคลินิกนั้นๆ
  • Liposuction : การดูดไขมันในประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าคูลสคัลพ์ธิง โดยปกติค่าใช้จ่ายจะอยู่ระหว่าง 100,000 ถึง 250,000 บาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการผ่าตัดและจำนวนพื้นที่ที่ต้องการรักษา

วิธีกำจัดไขมันแบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ?

วิธีกำจัดไขมันแบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ

เป้าหมาย

  • ผลลัพธ์ทันทีหรือรอได้: สำหรับ Cool Sculpting ปริมาณไขมันที่ลดได้มักจะอยู่ระหว่าง 20-25% ของไขมันในพื้นที่ที่รักษา ต่อการรักษาหนึ่งครั้ง ขณะที่การดูดไขมันสามารถกำจัดไขมันได้มากถึง 5-8 ลิตรเพียงครั้งเดียว
  • บริเวณที่ต้องการลดไขมัน: หากต้องการลดพื้นที่ใหญ่อย่างหน้าท้องและสะโพก อาจเหมาะสมกว่า ในขณะที่คูลสคัลพ์ธิง เหมาะกับการลดไขมันในพื้นที่เฉพาะเจาะจง เช่น ใต้คางหรือด้านข้างเอว

ปริมาณไขมัน

การดูดไขมัน เหมาะสำหรับการกำจัดไขมันปริมาณมากในครั้งเดียว แต่ต้องพิจารณาการดูแลรูปร่างตนเองสม่ำเสมอหลังรักษา เมื่อคุณละเลยตนเอง ไขมันเหล่านั้นก็สามารถกลับมา ทำให้ต้องได้รับการปรับแต่งเพิ่มเติมในอนาคต

ระยะเวลาฟื้นตัว

คูลสคัลพ์ธิงไม่มีเวลาพักฟื้น ผู้รับการรักษาสามารถกลับไปทำกิจวัตรปกติได้ทันทีหลังจากการรักษา สำหรับการดูดไขมัน ผู้รับการรักษาอาจต้องใช้เวลาพักฟื้นจากหลายวันถึงหนึ่งสัปดาห์ โดยอาจมีอาการบวมหรือช้ำที่ต้องใช้เวลาหาย

แล้วมีวิธีอื่น ๆ อีกไหม?

นอกจากสองวิธีนี้แล้ว ยังมีเทคนิค Carboxytherapy เป็นวิธีการรักษาที่ใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดและกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ในบริเวณที่รักษา โดยมีประโยชน์ในการลดเซลลูไลท์และผิวหย่อนคล้อยมากกว่าการลดไขมันจำนวนมาก คาร์บ็อกซี่ไม่ใช่วิธีการกำจัดไขมันโดยตรง แต่เน้นปรับปรุงคุณภาพผิวและกระชับผิวในบริเวณที่ได้รับการรักษา ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ในเรื่องผิวพรรณมากกว่า


การตัดสินใจเลือกวิธีการลดไขมันส่วนเกินไม่ว่าจะเป็น Cool Sculpting หรือการดูดไขมัน ควรพิจารณาจากหลายแง่มุม ทั้งข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธีการ รวมถึงความเหมาะสมกับสภาพร่างกาย และเป้าหมายส่วนตัว การดูดไขมันเหมาะสำหรับการลดไขมันปริมาณมากในครั้งเดียว แต่มีระยะเวลาฟื้นตัวที่นานและมีความเสี่ยงสูงกว่า ในขณะที่อีกวิธีไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ทำให้มีความเสี่ยงน้อยกว่าและไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น แต่อาจต้องมีการรักษาหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ดังนั้นไม่ว่าจะวิธีไหน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการที่เหมาะสมที่สุด พร้อมทั้งวางแผนการดูแลตนเองหลังการรักษาให้เหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรักษาและรักษาผลลัพธ์ที่ได้ให้ยาวนานที่สุด


คำถามที่พบบ่อย

1. CoolSculpting และการดูดไขมันต่างกันอย่างไร?
Cool Sculpting เป็นวิธีการลดไขมันแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้ความเย็นในการทำลายเซลล์ไขมัน ส่วนการดูดไขมัน เป็นวิธีการผ่าตัดที่ใช้ท่อดูดไขมันออกจากร่างกาย ทั้งสองวิธีมีเป้าหมายเดียวกันคือการลดไขมัน แต่มีวิธีการและระยะเวลาฟื้นตัวที่ต่างกัน

2. การรักษาด้วย CoolSculpting ปลอดภัยหรือไม่?
ปลอดภัยแน่นอน อีกทั้งได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ตั้งแต่ปี 2012 ว่าวิธีการรักษาที่ปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด ผู้รับการรักษาอาจพบอาการเช่นรู้สึกชาหรือบวมเล็กน้อยที่บริเวณที่รักษา ซึ่งปกติจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน

3. ผลลัพธ์จากการดูดไขมันจะอยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ถาวรหากผู้รับการรักษาพยายามควบคุมน้ำหนักตัวให้คงที่ ซึ่งการดูดไขมัน เป็นการกำจัดเซลล์ไขมันออกไปจากร่างกายโดยตรง ดังนั้นเซลล์เหล่านั้นจะไม่สามารถสะสมไขมันได้อีก แต่หากเพิ่มน้ำหนักขึ้น ไขมันอาจสะสมในพื้นที่อื่นๆ ของร่างกาย

4. สรุปแล้วเราควรเลือกวิธีการรักษาใด?
การเลือกวิธีการรักษาควรพิจารณาจากเป้าหมายการรักษา, ปริมาณไขมันที่ต้องการลด, และความพร้อมในการฟื้นตัว สำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันในพื้นที่เล็กๆ หรือมีเวลาฟื้นตัวจำกัด อาจเลือกคูลสคัลพ์ธิง ส่วนผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและกำจัดไขมันปริมาณมาก การดูดไขมันอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุด


อ้างอิง

  1. Daniel Yetman and Erica Cirino, CoolSculpting vs. Liposuction: Know the Difference, Healthline, November 16, 2021, https://www.healthline.com/health/coolsculpting-vs-liposuction.
  2. Jessica Caporuscio, CoolSculpting vs. liposuction: What to know, Medical News Today, April 1, 2020, https://www.medicalnewstoday.com/articles/coolsculpting-vs-liposuction.
  3. Sachin Shridharani, Liposuction or CoolSculpting: Which is better for your goals?, American Society of Plastic Surgeons, September 12, 2017, https://www.plasticsurgery.org/news/blog/liposuction-or-coolsculpting-which-is-better-for-your-goals.

Similar Posts