โบท็อกซ์

โบท็อกซ์ คืออะไร ? ทำความรู้จักตัวช่วยหน้าเป๊ะ ฉีดแล้วปัง

สำหรับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของเรานั้นดีขึ้น แน่นอนเลยว่าในปัจจุบันนี้ถือได้ว่าเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก เกี่ยวกับการทำศัลยกรรม หรือ การบำรุงผิวพรรณต่าง ๆ ให้ดูสดใสอ่อนกว่าวัย ซึ่งต้องบอกเลยว่ามีกรรมวิธีหลายแบบมากที่จะช่วยให้ร่างกาย รวมไปถึงหน้าตายังคงรักษาให้น่ามองน่าสนใจอยู่เสมอ สำหรับในบทความนี้พวกเราจะพาไปทำความรู้จักกับ การ โบท็อกซ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ รักษาริ้วรอยบนใบหน้า รวมไปถึงคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ สารสกัดชนิดนี้ทำได้ เมื่อได้อ่านรายละเอียดในบทความนี้ที่บอกถึงที่มา พร้อมทั้งข้อดีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้จึงทำให้ทุกคนจะเข้าใจกับคำว่า “Botox” มากขึ้น เพราะจะเป็นตัวช่วยให้ใบหน้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นด้วยนั่นเอง ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามอ่านกันได้ในบทความนี้ 


โบท็อกซ์ คืออะไร ?

โบท็อกซ์

หลาย ๆ คนอาจจะได้ยินอย่างผิวเผิน หรือ อาจจะได้ยินในกลุ่มที่ทำงาน กลุ่มเพื่อน พูดถึงกันเกี่ยวกับ การฉีดโบท็อกซ์ แท้จริงแล้วความหายของ Botox คือ สารที่สกัดมาจาก แบคทีเรียสายพันธ์ุเฉพาะอย่าง Clostridium botulinum โดยสารตัวนี้จะอยู่ในรูปของโปรตีนที่มีคุณสมบัติพิเศษก็คือ สามารถจับกับปลายเส้นประสาทที่มาควบคุมกล้ามเนื้อ รวมทั้งยับยั้งการกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เลี้ยงโดยเส้นประสาทในบริเวณ ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับ โบท็อกซ์ จะหดตัวไม่ได้และอยู่ในสภาพคลายตัวในที่สุด ซึ่งนี่คือคุณสมบัติเด่นของ Botox นั่นเอง แน่นอนเลยว่าการกระตุ้นด้วยดารฮีดสารสกัดชนิดนี้เข้าไป ก็จะสามารถ รักษาริ้วรอยบนใบหน้า, ลดกราม ทำหน้าให้เป็นทรง V-Shape ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยจะมีรายละเอียดของประโยชน์ที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้

1. รักษาริ้วรอยบนใบหน้า

สำหรับริ้วรอยบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นในโซนไหน ก็จะล้วนเกิดจากสาเหตุที่กล้ามเนื้อบนใบหน้านั้น หดตัว ดังนั้นเมื่อใช้ Botox ฉีดเข้าไปในจุดที่ต้องการรักษา กล้ามเนื้อก็จะคลายตัว โดยริ้วรอยในส่วนนั้นก็จะเริ่มลดลง พร้อมทั้งหายไปในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ โดยจะคงอยู่ในสภาพนี้ได้นานถึง 4-6 เดือน โดยระยะเวลานั้นขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนนั่นเอง 

2. ลดกราม ใบหน้า ทรง V-Shape

สำหรับ Botox มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะสามารถทำให้มุมของใบหน้าเปลี่ยนไปได้ เพราะการทำงานของ โบท็อกซ์ จะทำให้กล้ามเนื้อทำงานลดลง รวมทั้งมีขนาดเล็กลงไปด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ใบหน้าเปลี่ยนไป โดยจะมีผลอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนเช่นกัน เพราะบริเวณกราม เป็นที่หนักใจของสาว ๆ หลายคนเช่นกัน 

แน่นอนเลยว่า สำหรับคนที่เดิน หรือ วิ่ง จะส่งผลให้กล้ามเนื้อขาอย่าง Gastrocnemius มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งแน่นอนเลยว่ามันเป็นจุดที่กวนใจสาว ๆ การฉีดสารสกัด โบท็อกซ์ ไปที่กล้ามเนื้อขาดังกล่าว ก็จะทำให้กล้ามเนื้อทำงานน้อยลง ทำให้มีขนาดเล็กลงไปในที่สุด ซึ่งผลของการรักษาด้วยสารสกัดชนิดนี้จะอยู่ที่ 3-6 เดือน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการใช้งานของกล้ามเนื้อขานั่นเอง 

3. ยังสามารถลดเหงื่อได้อีกด้วย

สำหรับสารสกัดอย่าง Botox นั้น นอกจากจะลดการหดตัวของกล้ามเนื้อแล้ว  ยังสามารถลดเหงื่อได้อีกเช่นกัน โดยปลายประสาทที่ถูกยับยั้ง จะเป็นปลายประสาทชนิดเดียวกันกับจุดที่กระตุ้นต่อมเหงื่อให้หลั่งเหงื่อด้วยนั่นเอง ดังนั้นจะสามารถใช้ โบท็อกซ์ มาเข้าร่วมการรักษาผู้ที่มีภาวะเหงื่อออกมากผิดติ หรือ Hyperhidrosis ที่ตัวฝ่ามือ ฝ่าเท้า ที่รักแร้ อีกทั้งยังสามารถลดกลิ่นเหงื่อได้จากเหงื่อในผู้ป่วยภาวะนี้ด้วยเช่นกัน ส่วนผลการรักษาจะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน 

หลังจากที่ได้อ่านประโยชน์โดยรวมของ การฉีด โบท็อกซ์ จะเห็นได้ว่า เมื่ออายุมากขึ้นนั้นจะทำให้ส่วนของผิวหน้าหย่อนคล้อยลง เพราะเมื่อเรามีอายุที่มากขึ้น กล้ามเนื้อบริเวณ Platysma หรือ บริเวณลำคอ ก็จะทำงานมากขึ้น ดึงใบหน้าของเราให้หย่อนคล้อยลง ซึ่งการใช้ โบท็อกซ์ ก็จะช่วยทำให้กรอบใบหน้าชัดขึ้น มีการยกกระชับใบหน้าขึ้นได้ แต่ทว่าจะได้ผลดีในรายที่มีสาเหตุจากการหย่อนของกล้ามเนื้อดังกล่าวเท่านั้น ถ้ามาจากสาเหตุอื่นเช่น ไขมันส่วนเกิน หรือ คอลลาเจนเสื่อมสภาพ อาจจะต้องใช้วิธีอื่นรักษา ถึงจะได้ผล ซึ่งผลการรักษาใบหน้าหย่อนคล้อยนี้จะรักษาอยู่ได้ประมาณ 2-4 เดือน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล 


โบท็อกซ์ ทำงานอย่างไร ? 

โบท็อกซ์

อย่างที่ทราบกันดีว่า การนำสาร Botulinum Toxin A ที่สกัดจากแบคทีเรีย Clostridium Botulinum จะเรียกว่าการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งจะเป็นการฉีดเข้าไปที่บริเวณผิวหน้า เพื่อลดริ้วรอย พร้อมกับปรับรูปหน้าให้เรียว กระชับ ตามที่ใจต้องการ แน่นอนเลยว่าชื่อเสียงของการรักษาใบหน้าด้วยวิธีนี้ เป็นที่พึงพอใจ อีกทั้งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะว่ามีผลลัพธ์ที่ดี มีความมั่นใจเพราะมีผู้ที่จะแก้ปัญหา รวมทั้งตอบคำถามได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ นั่นเอง 

การทำงานของ โบท็อกซ์ นั้น เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว จะทำให้เซลล์ประสาท บริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีดหยุดหลั่งสารสื่อประสาทออกมา จะทำให้เรารู้สึกว่ากล้ามเนื้อช่วงดังกล่าวนั้น หดตัว ตึง มีความรู้สึกชา แต่เมื่อฉีดไปสักครู่แล้ว กล้ามเนื้อก็จะค่อย ๆ คลายตัวออกมา รวมทั้งทำให้ร่องลึกบนใบหน้าดูจางลงนั่นเอง โดยส่วนใหญ่แล้วการทำงานของ Botox  จะเห็นผลต่างกันดังนี้ 

  • หลังจากที่ฉีดไปแล้ว 2 – 3 วัน ริ้วรอย เริ่มดูจางลง
  • หลังจากฉีด 7 – 14 วัน ริ้วรอยร่องลึก เริ่มดูจางลง 

อย่างไรก็ตาม โบท็อกซ์ คือสารที่สกัดจากธรรมชาติ จึงมีการสลายไปเมื่อเวลาผ่านไป 6 – 12 เดือน แต่การดูแลผิวหน้า ก็ใช้เวลาในการสลายนี้ต่างกันไป อีกทั้งขึ้นอยู่กับชนิดที่เลือกใช้ด้วยเช่นกัน โดย Botox  จะมีลักษณะเป็นโปรตีนน้ำใส ๆ เมื่อฉีดเข้าสู่กล้ามเนื้อไปแล้วก็จะแยกเป็น 2 ส่วน นั่นก็คือ 


ส่วนที่ถูกดูดซึม เข้าไปเก็บในเซลล์ประสาท

โบท็อกซ์

ซึ่งในส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าไปเก็บไว้ในเซลล์ประสาทนี้ จะเป็นส่วนที่จะออกฤทธิ์ ซึ่งถ้ามีความเข้มข้นสูง จะทำให้โบท็อกซ์นั้น อยู่ได้นานขึ้นนั่นเอง ส่วนการทำงานของ Botox เอง ก็จะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท จะมีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว ส่วนผิวหนังก็ตึงขึ้น ไม่เกิดรอยพับ อีกส่วนหนึ่งก็คือ “ส่วนที่ถูกดูดซึม” 

ส่วนที่ถูกดูดซึม

สำหรับในส่วนนี้  จะปลิวไปตามกระแสเลือด ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังจากที่ฉีด และ จะถูกขับออกไปโดยไม่ส่งผลต่อเซลล์อื่นในร่างกาย โดย โบท็อกซ์ จะค่อย ๆ ออกฤทธิ์จนเห็นผลชัดเจนขึ้น รวมทั้งสลายไปเอง 100% ตามระยะเวลาของชนิด Botox   

การทำงานของ Botulinum toxin A นั้น จะเข้าไปช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานน้อยลง นี่แหละคือจุดเด่นที่ทำให้ทุกส่วนในร่างกายที่หน่อยคล้อย สามารถทำให้กลับมาเต่งตึง หรือ ดูดีขึ้นได้ด้วยเช่นกัน โดยประโยชน์ของโบท็อกซ์นั้น จะช่วยคุณได้มากมายเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพความงาม รวมทั้งผู้ที่เป็นโรคออฟฟิศซินโดรมด้วย 


โบท็อกซ์ช่วยอะไร ?

โบท็อกซ์

หลังจากที่ได้เกริ่นนำเกี่ยวกับประโยชน์ที่สำคัญของ การฉีดโบท็อกซ์ไปแล้วเบื้องต้น เพราะทุกคนก็จะพอทราบกันดีอยู่แล้วว่า Botox   สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ช่วยทำให้ใบหน้ากลายเป็นทรงเรียวในแบบฉบับ V-Shape หรือแม้กระทั่งการช่วยลดเหงื่อในผู้ที่มีภาวะผิดปกติ อีกทั้งปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยในผู้สูงอายุด้วย แต่สำหรับประโยชน์ของการฉีดโบท็อกซ์นั้น ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ เพราะยังมีอีกหลากหลายวิธีที่จะช่วยให้คุณแก้ปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้า หรือ ร่างกายได้ดังต่อไปนี้


1. ช่วยลดเหงื่อรักแร้ได้

หนึ่งในคุณสมบัติของ การฉีดโบท็อกซ์ นั่นก็คือ การช่วยลดเหงื่อที่รักแร้ได้ สำหรับผู้ที่มีสภาวะนี้ จะต้องรักษาโดยการใช้ โบท็อกซ์รักแร้ โดยจะมีการฉีดเข้าไปข้างละ 50-100 ยูนิต เพื่อทำการยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ รวมทั้งกลิ่นกายใต้วงแขนให้ทำงานน้อยลง จะส่งผลให้สามารถลดเหงื่อที่ออกใต้รักแร้ได้มากถึง 80% เลยทีเดียว ซึ่งผู้ที่มีเหงื่ออกเยอะเกินไป จนเกิดกลิ่นตัว ปัญหานี้จะหมดไปด้วยการใช้โบท็อกซ์ รวมทั้งผู้ที่แพ้ผลิตภัณฑ์อย่าง ครีม หรือ โรลออน ลดกลิ่นตัว ซึ่งจบปัญหาด้วยการฉีด Botox   จะง่ายกว่า และ เกิดผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่า 


2. จมูกคมชัดขึ้น ฉีดที่ปีกจมูก

สำหรับปัญหาของผู้ที่มีจมูกโต หรือ ปีกจมูกบาน หรือ มีรูจมูกกว้าง ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เมื่อรักษาด้วยการใช้ Botox เมื่อฉีดเข้าไปจะทำให้รัดแกนจมูก สันจมูกคมชัดขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดริ้วรอยบริเวณสันจมูกส่วนบนด้วย เวลาที่ยิ้ม ก็จะทำให้ใบหน้าโดยรวมนั้นดูอ่อนกว่าอายุ แน่นอนเลยว่าเป็นอีกการรักษาที่หลายคนให้ความสนใจ แต่ทว่าจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ดี อีกทั้งไม่สามารถทำให้อยู่มั่นคงเหมือนศัลยกรรม แต่จะต้องไปฉีดเพิ่มในทุก ๆ 4-6 เดือน นั่นเอง 


3. ช่วยยกหางตา

ปัญหาเรื่องใบหน้าที่จะทำให้ดูสวยขึ้นได้ หางตาก็จะต้องดีด้วย เพราะว่าการแก้ไขปัญหาลดริ้วรอยที่หางจะ จะเกิดความเป็นกังวลอย่างมากสำหรับสาว ๆ ทุกคน เพราะมันอยู่ในจุดที่ดูเจ็บ แต่ทว่า การฉีด Botox กลับได้รับความนิยมสูงมาก โดยตัวของ โบท็อกซ์ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะเข้าไปทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว รอยเหี่ยวย่นในจุดหางตา ตัวอย่างเช่น รอยตีนกา รอยย่นใต้ตา รอยย่นขมวดคิ้ว รวมทั้งรอยย่นที่สันจมูกด้วย โดยหลังจากที่ฉีดโบท็อกซ์นั้น ประมาณ 2-3 วันก็จะเกิดผลว่าสิ่งที่เป็นรอยเหี่ยวย่นนั้นลดลง อีกทั้งจะได้ผลเต็มที่เลยประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งปัญหาเรื่องริ้วรอยที่หางตาจะดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วยการฉีด Botox


4. ลิฟหน้า ช่วยดึงแก้มให้สมส่วน

ลิฟกรอบหน้า เป็นการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปคลายกล้ามเนื้อส่วนคอ ซึ่งจะมีการฉีดบริเวณกรอบหน้า ใต้คาง จะได้ดึงในส่วนของแก้มให้ดูน้อยลง ใบหน้าชัดเจนขึ้น หรืออีกวิธีที่หลายคนทำกันก็คือ การร้อยไหม ข้อดีก็คือ จะช่วยทำให้ผิวบริเวณกรอบหน้ากระชับ หน้าดูเรียวขึ้น อีกทั้งสามารถฉีดซ้ำได้ ไม่เป็นอันตราย ผลการรักษาก็อยู่ได้นานด้วย แต่ทว่าการฉีด Botox อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ 


5. ช่วยยกมุมปาก

อีกหนึ่งอุปสรรคของความสวยงามนั่นก็คือ จุดของปากที่ทำให้หน้าตาบึ้ง ไม่สดใส โดยจะเป็นแบบปัญหารูปปากคว่ำ โดยการปรับรูปแบบของปากที่โค้งลงนั้น จะต้องปรับให้ปากดูยกขึ้นจะทำให้มีความชัดเจนบนใยหน้า อีกหนึ่งปัญหาก็คือ ผู้ที่มีมุมปากหย่อนคล้อย การฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในจุดนั้น ก็จะช่วยให้ปรับหน้าตาให้ดูดีขึ้นได้เช่นกัน เพราะจะช่วยดึงมุมปากลง ทำให้มุมปากดูสดใสมากขึ้น 


6. โบท็อกซ์ ช่วยลดน่อง

สำหรับ โบท็อกซ์ นอกจากจะสามารถปรับในส่วนของใบหน้าให้ดูกระชับแล้ว ยังสามารถใช้ไปในส่วนอื่น ๆ ได้อีกเช่น น่อง ซึ่งสำหรับคุณผู้หญิงแล้วความน่องโต คงจะเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดใจพอสมควร แต่ทว่าการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่น่องจะช่วยให้การออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้น่องที่มีขนาดใหญ่นั้น เล็กลง จะคล้ายกับการลดขนาดกล้ามเนื้อของกรามให้ดูเรียวนั่นเอง ซึ่งการทำแบบนี้จะไม่ส่งผลต่อสภาพการเดิน หรือ การยืนในส่วนของขา  


7. ช่วยให้คิ้วสวยปัง

สำหรับโบท็อกซ์ คุณสมบัติโดยรวมคือจะทำให้ในส่วนของใบหน้าดูกระชับ ลดความหย่อนคล้อย ซึ่งการรักษาเฉพาะจุดอย่างการฉีดเข้าไปที่คิ้ว หรือ ส่วนของคิ้ว จะทำให้ ลดริ้วรอยระหว่างคิ้วได้ ซึ่งการฉีด Botulinum toxin A จะเป็นสารที่ช่วยให้ผ่อนคล้ายกล้ามเนื้อ เข้าไปที่บริเวณรอยย่นระหว่างคิ้ว ซึ้งหลังจากฉีดแล้วสารตัวนี้จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาท บริเวณรอยต่อของเส้นประสาท กับ กล้ามเนื้อ จะช่วยให้ลดริ้วรอยระหว่างคิ้วลงได้ สำหรับการฉีดโบท็อกซ์ในระหว่างคิ้วนั้น จะทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น แต่จะได้ผลดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำการฉีด รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพด้วย 


8. ช่วยกระชับรูขุมขน

สาร Botulinum toxin A จะช่วยให้กระชับรูขุมขนได้เช่นกัน ซึ่งจะใช้เวลาไม่นานด้วย ผลลัพธ์ที่ดีแบบนี้ก็จำเป็นที่จะต้องดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ รวมทั้งการประเมินสภาพของใบหน้าก่อนที่จะทำการรักษา เพราะผู้ป่วยบางรายก็ไม่สามารถที่จะทำได้  โดยการฉีดโบท็อกซ์เพื่อกระชับรูขุมขนนั้น จะเห็นผลประมาณ 2-3 วัน รูขุมขนดูตื้นขึ้น เห็นผลอย่างชัดเจนประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งผลการรักษาจะอยู่ประมาณ 3-4 เดือน 


9. ช่วยลดความใหญ่ของแขน

เรื่องแขนใหญ่ หรือ แขนดูอวบ เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับคุณผู้หญิงที่ทำให้การใส่เสื้อผ้าไม่เข้ากัน รวมทั้งอาจจะสูญเสียความมั่นใจ แต่ทว่า คุณสมบัติของโบท็อกซ์ สามารถช่วยทำให้จุดตรงที่ฉีดเข้าไปคลายตัวลง ซึ่งแน่นอนเลยว่าการรักษาด้วย Botulinum toxin A ฉีดเข้าไปที่แขน จะช่วยลดกล้ามเนื้อในส่วนของแขนที่ดูใหญ่ได้ แต่ถ้าเป็นไขมัน อาจจะให้ใช้หัตถการอื่น ๆ ร่วมไปด้วย  ดังนั้นก่อนที่จะฉีดโบท็อกซ์ในส่วนนี้จะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อวางแผนการรักษา 


10. รักษาโรคไมเกรน 

อย่างที่ทราบกันดีว่า Botulinum toxin A หรือ โบท็อกซ์ จะใช้ในการรักษาใบหน้า ริ้วรอย รวมทั้งในส่วนอื่น ๆ ที่ต้องการลดความหย่อนคล้อย สำหรับคุณสมบัติที่น่าสนใจของสารชนิดนี้ก็คือ สามารถที่จะรักษาอาการของโรคไมเกรนได้ อีกทั้งช่วยให้ผลข้างเคียงขออาการไมเกรน เกี่ยวกับรูปของใบหน้าที่ผิดเพี้ยนไป ที่สำคัญ โรคออฟฟิศซินโดรม โบท็อกซ์ ก็มีส่วนช่วยให้ดีขึ้นได้  ซึ่งคุณสมบัติที่น่าสนใจก็คือจะเข้ายับยั้งปลายประสาท ตัวกลางในการส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมองที่ต่อกับกล้ามเนื้อ จะทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งอยู่ คลายตัวลง จึงช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้


จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของการรักษาด้วยการฉีดสาร Botulinum toxin A เข้าสู่ร่างกาย หรือ ในจุดที่ต้องการให้กระชับ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ไม่ใช่เว้นแต่การรักษา ริ้วรอยบนใบหน้าในทุกจุด เพราะในส่วนของ แขน ขา หรือ รักแร้ ที่จะส่งผลให้คุณสมบัติที่แตกต่างกันไปด้วย แน่นอนว่านี่คืออีกหนึ่งช่องทางสำหรับผู้ที่อาจจะประสบปัญหากวนใจ หรือ ปัญหาที่ทำให้คุณไม่มั่นใจในตัวเอง แต่คุณเองก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แต่ข้อควรระวังก็คือการปรึกษาแพทย์ก่อนที่คิดจะปรับเปลี่ยนเรื่องสุขภาพ ซึ่งสิ่งที่ควรระวังก็คือ โบท็อกซ์ปลอม คลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นอาจจะต้องมองหาคลินิกที่มีการรับรอง และรีวิวที่เชื่อถือได้ 


ฉีดโบท็อกซ์ อันตรายหรือไม่ ?

โบท็อกซ์

ยังคงมีอีกหลายคนไม่ได้ศึกษาข้อมูลอย่างลึกซึ้งของคำว่า “โบท็อกซ์” ก็อาจจะถูกมอง หรือ ผู้อื่นพูดคุยว่า การฉีด Botox เป็นเรื่องอันตรายได้ อย่างไรก็ตามในจุดนนี้พวกเราก็ต้องขออธิบายได้อย่างชัดเจนเลยว่า การฉีดสาร Botulinum toxin A เข้าสู่ร่างกายนั้นจะปลอดภัยอย่างแน่นอน เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ มีการฉีดเข้าไป สลายได้เองทางธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนเลยว่าความกังวลนี้อาจจะเกิดจากผู้ที่พูดต่อกัน เกี่ยวกับการไปฉีดโบท็อกซ์มาแล้วร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี ซึ่งอาจจะเกิดจาก โบท็อกซ์ปลอม ที่ไม่ได้รับมาตรฐาน รวมทั้งการดูแลของแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์พอนั่นเอง 


อันตรายจาก โบท็อกซ์ปลอม 

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกเลยก็คือ เรื่อง โบท็อกซ์ปลอม เพราะราคาที่ถูก จึงทำให้คุณอาจจะตัดสินใจรักษากับคลินิกรายนี้ไปโดยที่ไม่ได้คิดถึงเรื่อง ของแท้ หรือ ของปลอม รวมทั้งการรับรองทางการแพทย์ที่ดูไม่ชัดเจน ก็จะเป็นสิ่งที่ต้องระวังเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นแล้วคุณภาพของโบท็อกซ์ที่เสื่อมไป อาจจะเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายที่ค่อนข้างน่ากลัวนั่นก็คือ ทำให้หน้าเบี้ยว หรือ ทำให้หนังตาตก หรือ ส่วนที่ฉีดเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีเอาซะเลย 

สำหรับการตรวจสอบ โบท็อกซ์นั้น จะสามารถสังเกตได้จาก คลินิก  หรือ แพทย์ผู้ทำการรักษา รวมทั้งความน่าเชื่อถือในเรื่องของราคา คุรภาพของโบท็อกซ์ ที่จะต้องมีรายละเอียดเรื่องตราสินค้าให้ชัดเจน รวมทั้ง การได้รับรองจาก อย. มีเลขทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย เลข Lot วันหมดอายุ มีการระบุแบบชัดเจน อย่างไรก็ตามก่อนการฉีดโบท็อกซ์ในทุกส่วน ควรที่จะปรึกษาแพทย์ก่อนเนื่องจากในบางจุดอาจจะส่งผลข้างเคียงได้เช่นกัน

ซึ่งทั้งหมดนี่ก็คือ เรื่องราวของ Botulinum toxin A หรือ Botox ที่จะช่วยเปลี่ยนความหย่อนคล้อย ให้กลับมากระชับได้ในทุกจุด ซึ่งถ้าหากว่าคุณพบปัญหาเกี่ยวกับริ้วรอย หรือ ความหย่อนคล้อย วิธีนี้จะเป็นช่องทางที่ทำให้คุณได้ผลดีที่สุด ในการช่วยให้ผิวหน้าของคุณดูดีขึ้น ด้วยประโยชน์ที่หลากหลายทำให้การฉีดโบท็อกซ์ ได้รับความนิยม รวมทั้งการบอกต่อกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งคุณเองก็ทำได้เช่นกัน


อ้างอิง

Similar Posts