Coolsculpting คือ? สลายไขมันด้วยความเย็น แบบไม่ต้องเจ็บตัว
Coolsculpting คือ นวัตกรรมสลายไขมันยอดนิยมของคนกลัวเข็ม หรือไม่อยากใช้ยาสลบ โดยวิธีนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่ต้องการพักฟื้นหรือลางานไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับไขมันส่วนเกินที่ตั้งอยู่ในจุดที่การออกกำลังกายหรือการควบคุมอาหารยังคงไม่สามารถกำจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยหลักการ Cryolipolysis ที่ใช้ความเย็นในการทำให้เซลล์ไขมันโดยไม่เจ็บปวด
การพัฒนาเทคโนโลยีนี้ เริ่มขึ้นจากการค้นพบในปี 2007 โดยนักวิจัยที่ Harvard Medical School ที่พบว่าเซลล์ไขมันสามารถถูกทำลายได้ด้วยความเย็นโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์อื่น ๆ ทำให้เกิดการพัฒนาเครื่องมือที่สามารถใช้หลักการนี้ในการกำจัดไขมันอย่างเฉพาะเจาะจง เช่น หน้าท้อง, ต้นขา และรอบเอว ซึ่งช่วยให้ผู้คนจำนวนมากสามารถปรับปรุงรูปลักษณ์และเพิ่มความมั่นใจในตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัด รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันได้เลย
Coolsculpting คือ?
คูลสคัลพ์ธิง เป็นเทคโนโลยีกำจัดไขมันแบบไม่ต้องผ่าตัด ที่ใช้กระบวนการไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis) โดยใช้ความเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็งระหว่าง -11 ถึง -13°C เพื่อเปลี่ยนเซลล์ไขมันใต้ผิวหนังให้กลายเป็นผลึกน้ำแข็ง ทำให้เซลล์ไขมันหยุดทำงานและสลายตัว ผลึกไขมันที่เกิดขึ้นจะถูกกำจัดออกจากร่างกายโดยระบบน้ำเหลือง ทำให้เซลล์ไขมันที่เหลือเรียงตัวใหม่และชั้นไขมันบางลง ผลลัพธ์ที่ได้คือรูปร่างที่ดูสมส่วนและกระชับมากขึ้น ทั้งนี้เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดจำนวนเซลล์ไขมันในบริเวณที่ยากต่อการกำจัดด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร เช่น บริเวณท้อง, ต้นขา, แขน และคาง เป็นต้น โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “แอปพลิเคเตอร์” ในการส่งคลื่นความเย็นไปยังบริเวณที่ต้องการ
หลักการทำงาน
หลักการทำงานของ Coolsculpting อาศัยกระบวนการ cryolipolysis ส่งผลให้เซลล์ไขมันใต้ผิวหนังที่รักษาตัวเองด้วยการสะสมพลังงานและความร้อน ถูกลดอุณหภูมิอย่างรวดเร็วจนแข็งตัวกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง ความเย็นนี้ส่งผลโดยตรงต่อเซลล์ไขมันโดยไม่กระทบต่อเนื้อเยื่ออื่น เนื่องจากเซลล์ไขมันมีจุดเยือกแข็งที่สูงกว่าเซลล์อื่นๆ ในร่างกาย เมื่อเซลล์ไขมันถูกทำลาย พวกมันจะเข้าสู่กระบวนการที่เรียกว่า apoptosis หรือการตายของเซลล์อย่างค่อยเป็นค่อยไป จากนั้นร่างกายจะดำเนินการกำจัดเซลล์เหล่านี้ออกจากร่างกายโดยอัตโนมัติผ่านระบบน้ำเหลือง โดยปกติเซลล์ไขมันที่ได้รับการรักษาจะเริ่มสลายตัวหลังจากการรักษาประมาณ 3 ถึง 4 สัปดาห์ และผลลัพธ์สุดท้ายอาจปรากฏชัดเจนหลังจากผ่านไปประมาณ 2 ถึง 6 เดือน ซึ่งระยะเวลานี้ขึ้นอยู่กับความเร็วในการกำจัดของระบบน้ำเหลืองและปริมาณไขมันที่รักษา การศึกษาพบว่ากระบวนการนี้สามารถลดไขมันในบริเวณที่รักษาได้ประมาณ 20% ถึง 25% ต่อการรักษาหนึ่งครั้ง
ความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยี
นวตกรรมนี้ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย อีกทั้งได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ตั้งแต่ปี 2012 เพื่อใช้ในการลดไขมันบริเวณท้องและข้างเอว นับเป็นการการันตีว่าเทคโนโลยีนี้ปลอดภัยและได้ผลจริง ตามการศึกษาและข้อมูลสถิติที่ระบุว่า ผู้ที่รับการรักษาด้วยคูลสคัลพ์ธิงประมาณ 82% รู้สึกพึงพอใจและแนะนำให้กับผู้อื่น ผลการรักษาโดยเฉลี่ยแสดงให้เห็นว่า ลดไขมันสามารถเกิดขึ้นได้ถึง 20-80% ในบริเวณที่ได้รับการรักษาหลังจากการรักษาเพียงครั้งเดียว และผลลัพธ์สามารถเริ่มเห็นได้ภายในสามสัปดาห์หลังจากรับการรักษา และจะชัดเจนมากขึ้นหลังจากสองถึงสามเดือน หากคุณกำลังชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบกับวิธีดูดไขมัน เราแนะนำให้อ่านเพิ่มเติมจากบทความนี้ CoolSculpting vs ดูดไขมัน
บริเวณที่นิยมกำจัดไขมัน
หน้าท้องส่วนบนและล่าง (upper and lower abdomen)
บริเวณทั้งสองนี้เป็นจุดที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากไขมันในบริเวณนี้มักจะเป็นไขมันที่ตอบสนองต่อการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายได้ยาก การศึกษาพบว่าการรักษาด้วยคูลสคัลพ์ธิง สามารถลดไขมันในบริเวณนี้ได้ประมาณ 20-25% หลังจากการรักษาเพียงครั้งเดียว โดยผลลัพธ์สามารถเห็นได้ชัดเจนหลังจากผ่านไป 2-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายส่วนบุคคล
ข้างลำตัว (love handles)
บริเวณข้างลำตัว หรือที่เรียกว่า “love handles” เป็นอีกหนึ่งบริเวณที่คนมักต้องการลด ซึ่งการลดไขมันที่สะสมอยู่รอบข้างลำตัวซึ่งมักเป็นจุดที่ลดยาก ผลการรักษาโดยเฉลี่ยสามารถลดไขมันได้ถึง 20-25% และผลลัพธ์จะเริ่มแสดงอย่างชัดเจนภายใน 3 เดือนหลังการรักษา
ต้นแขนและต้นขา (upper arms and thighs)
บริเวณต้นแขนและต้นขาทั้งด้านใน และด้านนอกเป็นส่วนที่สะสมไขมันได้ง่าย การคูลสคัลพ์ธิงในบริเวณเหล่านี้สามารถลดไขมันได้ประมาณ 15-20% ต่อการรักษาหนึ่งครั้ง ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้รับบริการได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนหลังจาก 3-4 เดือน
ใต้คางและคอ
บริเวณใต้คางและคอ หรือที่มักจะเรียกว่า “double chin” เป็นบริเวณที่เทคโนโลยีสามารถช่วยลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้แอปพลิเคเตอร์ขนาดเล็กชื่อ CoolMini การศึกษาแสดงว่าการรักษาไขมันใต้คางสามารถลดไขมันได้ประมาณ 20% หลังจากการรักษาหนึ่งครั้ง และผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏชัดเจนในช่วง 1-3 เดือนถัดไป
ใต้ก้น (banana roll)
ไขมันที่สะสมอยู่ใต้ก้น มักจะเป็นไขมันที่ไม่ตอบสนองต่อการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร การรักษาในบริเวณนี้สามารถลดไขมันได้ประมาณ 20% และผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดเจนในช่วง 2-6 เดือน
หัวแอปพลิเคเตอร์ และตำแหน่งการรักษา
- CoolMini:บริเวณที่เหมาะสม: เหมาะกับการรักษาบริเวณใต้คาง, เข่า, และนมน้อย (bra fat)หัวยิงออกแบบมาเพื่อรักษาพื้นที่เล็กๆ ที่ต้องการความแม่นยำสูง แอปพลิเคเตอร์นี้สามารถช่วยลดไขมันในบริเวณเหล่านี้ได้ประมาณ 20-25% หลังการรักษาครั้งแรก
- CoolSmoothPRO:บริเวณที่เหมาะสม: ต้นขาด้านนอกดีไซน์มาสำหรับบริเวณที่มีไขมันแบนและแข็งเช่นต้นขาด้านนอก ช่วยลดไขมันได้ถึง 20-25% ในบริเวณนี้
- CoolAdvantage, CoolAdvantagePetite:บริเวณที่เหมาะสม: ต้นแขน, ปีกหลัง, ใต้ราวนม, หน้าท้อง, รอบเอว, ต้นขาด้านในแอปพลิเคเตอร์นี้มีเหมาะกับพื้นที่กว้างขึ้น และมีความหลากหลายในการใช้งาน ทำให้สามารถรักษาได้หลายบริเวณด้วยอุปกรณ์เดียวกัน
- CoolAdvantagePlus:บริเวณที่เหมาะสม: หน้าท้องและรอบเอวเป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่กว่า และเหมาะสำหรับบริเวณที่มีชั้นไขมันหนา ช่วยให้สามารถรักษาพื้นที่ใหญ่ขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- CoolCurve+:บริเวณที่เหมาะสม: ช่วยในการรักษาบริเวณที่มีโค้งเช่นข้างลำตัว (love handles) และปีกหลังได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อบริเวณที่มีรูปทรงโค้ง ช่วยลดไขมันในบริเวณเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- CoolCore:บริเวณที่เหมาะสม: หน้าท้องส่วนกลางและส่วนบน เน้นการรักษาบริเวณหน้าท้อง ช่วยให้ผิวพื้นที่นี้เรียบเนียนและกระชับขึ้น
- CoolFit:บริเวณที่เหมาะสม: ต้นขาด้านในและต้นแขนออกแบบมาสำหรับบริเวณที่มีรูปทรงยาว เช่น ต้นขาด้านใน ช่วยให้บริเวณเหล่านี้ลดลงและดูเรียบเนียนมากขึ้น
ข้อจำกัดในการรักษา
ความหนาของชั้นไขมัน
Coolsculpting จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคเตอร์เพียงพอ เพื่อการดูดและรักษาที่มีประสิทธิภาพ ข้อจำกัดหลักของกระบวนการนี้คือชั้นไขมันต้องมีความหนาอย่างน้อย 1 เซนติเมตร หากชั้นไขมันมีความหนาน้อยกว่านี้ แอปพลิเคเตอร์อาจไม่สามารถดูดไขมันได้เพียงพอ ซึ่งแตกต่างจากการดูดไขมันหน้าท้องที่ดูดเซลล์ไขมันโดยตรง เมื่อกระบวนการไม่ได้ผล การศึกษาพบว่าผู้ที่มีไขมันสะสมมากกว่า 1.5 เซนติเมตรมีโอกาสสูงที่จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังการรักษา
บริเวณแผลเป็น หรือมีไส้เลื่อน
การมีแผลเป็นหรือไส้เลื่อน อาจเป็นอุปสรรคต่อการรักษา เนื่องจากอาจทำให้แอปพลิเคเตอร์ไม่สามารถสร้างแรงดูดที่เพียงพอ หรือทำให้การกระจายความเย็นไม่เท่ากัน นอกจากนี้หากมีการฝังวัสดุใดๆ เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือแผ่นเหล็กในบริเวณที่มีแผลเป็นหรือไส้เลื่อน การรักษาด้วยความเย็นอาจมีความเสี่ยงต่อการทำให้แผลเปิดหรือส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง
ความลึกของเซลล์ไขมัน
เทคโนโลยีนี้ออกแบบมาเพื่อรักษาเซลล์ไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังเท่านั้น ไม่สามารถรักษาไขมันที่อยู่ในชั้นที่ลึกกว่านี้ได้ โดยไขมันที่อยู่ลึกในชั้นอวัยวะภายใน หรือไขมันรอบกล้ามเนื้อ ไม่สามารถถูกเอาออกได้ ดังนั้น คูลสคัลพ์ธิง จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักห รือกำจัดไขมันส่วนใหญ่ของร่างกาย แต่เหมาะสำหรับการกำจัดไขมันที่เป็นจำนวนน้อยและเป็นพื้นที่เฉพาะเจาะจงที่มีไขมันสะสม
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
การรักษาด้วย Coolsculpting มีความสามารถโดดเด่นในการลดไขมันที่สะสมในบริเวณที่เป็นเป้าหมายเฉพาะ ตามการศึกษา ผลลัพธ์โดยรวมที่ได้นั้นคือ เพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถลดไขมันได้ระหว่าง 20% ถึง 25% โดยผู้รับบริการส่วนใหญ่จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงภายใน 3-4 สัปดาห์หลังการรักษา และมักเห็นผลได้ชัดเจนที่สุดหลังจาก 2-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายและการเผาผลาญไขมันแต่ละบุคคล ระบบน้ำเหลืองของร่างกายจะค่อยๆ ทำการกำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกจากร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ
ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
จากข้อมูลสำรวจและรีวิวของผู้เข้ารับบริการ พบว่าประมาณ 82% ของผู้ที่ได้รับการรักษารู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์และแนะนำวิธีนี้ให้กับเพื่อนๆ ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าคูลสคัลพ์ธิง เป็นวิธีที่ปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรงในระยะยาว เทคโนโลยีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันในบริเวณเฉพาะ ไม่ใช่สำหรับการลดน้ำหนักโดยภาพรวม ดังนั้น วืธีนี้มักจะแนะนำให้ผู้ที่มีสุขภาพดี และมีการควบคุมน้ำหนักที่ดีแล้วเข้ารับการรักษา เพื่อเสริมสร้างผลลัพธ์ที่ต้องการในบริเวณที่ลดยาก
เปรียบเทียบกับ Carboxytherapy
ในขณะที่ Coolsculpting ใช้ความเย็นในการทำลายเซลล์ไขมัน Carboxytherapy นั้นใช้การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ใต้ผิวหนังเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อ ซึ่งสามารถช่วยลดเซลลูไลท์และรักษาบริเวณที่มีผิวหย่อนคล้อยได้ คาร์บ็อกซี่มีประโยชน์ในการปรับปรุงคุณภาพผิวและลดปัญหาผิวพรรณ แต่ไม่จำเพาะเจาะจงต่อการลดไขมันเท่าที่คูลสคัลพ์ธิงทำได้
เตรียมตัวก่อนรับบริการ
- ปรึกษาแพทย์: สำหรับผู้ที่สนใจรับบริการ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อตรวจสอบความเหมาะสม และเปรียบเทียบข้อห้ามต่าง ๆ ที่อาจมีผลต่อการรักษา การปรึกษาล่วงหน้าช่วยให้ผู้เข้ารับบริการเข้าใจถึงผลลัพธ์ที่คาดหวังและเตรียมตัวอย่างเหมาะสมก่อนการรักษา
- หลีกเลี่ยงยาบางชนิด: ผู้รับบริการควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจทำให้เกิดเลือดออกหรือช้ำง่าย เช่น แอสไพริน หรือยาต้านการอักเสบก่อนการรักษาประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดช้ำและเลือดออกในระหว่างและหลังการรักษา
- ดื่มน้ำ: แนะนำให้ผู้รับบริการดื่มน้ำมาก ๆ ก่อนการรักษา เพื่อช่วยในการล้างพิษและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบไหลเวียนเลือด ทำให้การกำจัดเซลล์ไขมันตายและของเสียในร่างกายเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนการทำ
ประเมินและวางแผนการรักษา
ก่อนการรักษาจะเริ่มต้นด้วยการประเมินสภาพ และสัดส่วนของบริเวณที่ต้องการรักษา โดยผู้เชี่ยวชาญจะพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจเป้าหมายและความคาดหวังของผู้รับบริการ ซึ่งรวมถึงการกำหนดจำนวนการรักษาที่เหมาะสม ผู้รับบริการจะได้รับการชั่งน้ำหนักและวัดสัดส่วนก่อนการรักษา และต้องเซ็นเอกสารยินยอมการทำหัตถการเพื่อยืนยันความเข้าใจและความยินยอม
เตรียมพื้นที่รักษา
หลังจากการประเมิน ผู้เข้ารับบริการจะถูกนำไปเปลี่ยนชุดพิเศษที่เหมาะสมกับการรักษา เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการรักษาและใช้เจล หรือแผ่นป้องกัน เพื่อปกป้องผิวจากความเย็นที่จะใช้ในการรักษา ทำการทาสารเคลือบป้องกันความเย็นลงบนผิว และวางแผ่นเจลก่อนที่จะติดตั้งหัวแอปพลิเคเตอร์
ระหว่างการรักษา
ใช้แอปพลิเคเตอร์บนพื้นที่ที่ต้องการ ผู้รับบริการอาจรู้สึกว่ามีการดูดที่แรงและเย็น แต่จะไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ โดยระยะเวลาของการรักษาขึ้นอยู่กับบริเวณและขนาดที่ต้องการ โดยเฉลี่ยแต่ละบริเวณต้องใช้เวลาประมาณ 35-60 นาที
การนวด
เมื่อจบรอบการรักษา จะมีการนวดบริเวณที่รักษาเพื่อช่วยให้กระบวนการทำลายไขมันเป็นไปได้อย่างเต็มที่และเพิ่มการไหลเวียนของน้ำเหลือง การนวดนี้จะช่วยให้เซลล์ไขมันที่เป็นผลึกแตกตัว และถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น
การดูแลตนเองหลังหัตถการ
- นวดบริเวณที่รักษา: หลังจากการรักษาเสร็จสิ้น จะมีการนวดบริเวณที่รักษาเบา ๆ ประมาณ 2-5 นาที เพื่อช่วยกระตุ้นกระบวนการแตกตัวของเซลล์ไขมัน และเร่งการขจัดออกจากร่างกาย
- การดื่มน้ำและออกกำลังกาย: ผู้รับบริการควรดื่มน้ำอย่างต่อเนื่องและออกกำลังกายเบา ๆ หลังการรักษาเพื่อส่งเสริมกระบวนการขจัดไขมันที่ตายแล้วออกจากร่างกาย แนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวันและออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
- ตรวจติดตามผล: แนะนำให้มีการนัดติดตามผลกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญภายใน 1-3 เดือนหลังการรักษา เพื่อประเมินผลลัพธ์และหารือเกี่ยวกับการรักษาเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น
- ดูแลผิว: หลังการรักษา แนะนำให้ทาครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น เพื่อลดอาการคันหรือแห้งตึงบริเวณที่ได้รับการรักษา โดยทาครีมอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งในช่วงแรก
สรุปได้ว่า Coolsculpting เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขจุดเฉพาะที่ยากต่อการกำจัด โดยประโยชน์หลัก คือความสามารถในการลดไขมันโดยไม่สร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อใกล้เคียง และไม่ต้องมีระยะเวลาพักฟื้น ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังการรักษา โดยผลลัพธ์ที่ได้จะเริ่มเห็นชัดเจนหลังจากการรักษาประมาณสามถึงหกเดือน หากคุณกำลังพิจารณาว่าสิ่งนี้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อหารือเกี่ยวกับเป้าหมาย การตัดสินใจที่มาจากผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้นว่าการรักษานี้เหมาะสมกับความต้องการและสภาพร่างกายของคุณเอง
คำถามที่พบบ่อย
- Coolsculpting คืออะไร?
เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันแบบไม่ต้องผ่าตัด ใช้หลักการของ Cryolipolysis ที่ใช้ความเย็นในการทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัวและตายไปโดยไม่กระทบกับเนื้อเยื่อรอบข้าง ช่วยลดไขมันส่วนเกินได้ในบริเวณเฉพาะ เช่น หน้าท้อง ต้นขา และรอบเอว - การทำคูลสคัลพ์ธิงมีอันตรายหรือผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
อาจทำให้เกิดอาการบางอย่าง เช่น ความรู้สึกเย็นหรือปวดแปลบ และมีรอยช้ำ หรือบวมเล็กน้อยหลังการรักษา แต่อาการเหล่านี้มักจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน ทั้งนี้ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก FDA ซึ่งหมายความว่ามีความปลอดภัยสูงเมื่อใช้ตามแนวทางที่ถูกต้อง - ผลลัพธ์จากการทำจะอยู่ได้นานแค่ไหน?
สามารถอยู่ได้ถาวรหากผู้รับบริการรักษาน้ำหนักและรูปร่างให้คงที่ แต่หากมีการเพิ่มน้ำหนัก ไขมันสามารถกลับมาสะสมในบริเวณที่รักษาได้ ดังนั้นแนะนำให้มีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้ยั่งยืน - คูลสคัลพ์ธิงเหมาะสมกับใคร?
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันในบริเวณเฉพาะที่ไม่สามารถกำจัดด้วยการออกกำลังกาย หรือควบคุมอาหารได้ผล ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกินมากหรือต้องการลดน้ำหนักโดยรวม เพราะหัตถการนี้มุ่งเน้นไปที่การลดไขมันในบริเวณที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ที่มีเงื่อนไขทางการแพทย์บางอย่าง อาทิ โรคที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรักษา
อ้างอิง :
- Lucie Wisco, CoolSculpting: Nonsurgical Fat Reduction, Healthline, June 15, 2018, https://www.healthline.com/health/coolsculpting.
- Rachel Reiff Ellis, CoolSculpting, WebMD, February 17, 2022, https://www.webmd.com/beauty/coolsculpting.
- Rachel Ann Tee-Melegrito, What to know about CoolSculpting, Medical News Today, January 12, 2024, https://www.medicalnewstoday.com/articles/322060.